ถ้าใช้ Cygwin อยู่ก็จะสามารถเรียกใช้ X Window ได้ไม่ยากดังนี้
1. ต้องมั่นใจก่อนว่า Cygwin ของเราลง X Library ไว้เรียบร้อยแล้ว
2. เรียก bash ขึ้นมาแล้วพิมพ์ startx ถ้าทำได้แสดงว่าลงไปเรียบร้อย และพร้อมที่จะทำขั้นตอนต่อไปด้วย
3. เมื่อเรียก X ขึ้นมาได้แล้ว เราก็จะได้ bash prompt ภายใน X นั้นมาด้วย เลือกมาสัก prompt แล้วพิมพ์
ssh -l taeprasa -X planet10.cse.psu.edu
4. ใส่ password เข้าไป เป็นอันเสร็จพิธี
Sunday, October 31, 2004
Tuesday, October 19, 2004
[Dhamma] ธรรมอันน่าอรรศจรรย์ ๘ ประการ
โพสต์เกี่ยวกับ พระสูตรที่ว่าด้วยธรรมอันน่าอรรศจรรย์ 8 ประการ เอามาจาก
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่ลิงค์ (ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากพระไตรปิฏกแบบโดยตรงอีกทีหนึ่ง)
http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9470000060266
พระสูตร นี้ว่าด้วยธรรมอันน่าอัศจรรย์ ๘ ประการ และพรรณนา ถึงการเข้าร่วมอุโบสถกรรมครั้งสุดท้ายของพระพุทธเจ้าด้วย มีความโดยละเอียดดังนี้
สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ บุพพารามปราสาท ที่นางวิสาขาสร้างถวาย ครั้นถึงวันอุโบสถ พระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ในท่ามกลางสงฆ์เพื่อทำอุโบสถกรรม เมื่อปฐมยามแห่งราตรีสิ้นไปแล้ว พระอานนท์ลุก ขึ้นจากอาสนะ กระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลีไปทางที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ราตรีล่วงไปแล้ว ปฐมยามสิ้นไปแล้ว ภิกษุสงฆ์นั่งอยู่นานแล้ว ขอพระผู้มีพระภาค เจ้าทรงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด”
พระพุทธองค์ทรงรับฟังแล้วทรงนิ่งอยู่ ครั้นราตรี ล่วงมัชฌิมยาม พระอานนท์ก็กราบทูลเชิญอีกครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงนิ่งอยู่ จนราตรีล่วงปัจฉิมยาม อรุณขึ้นแล้ว จวนสว่างแล้ว พระอานนท์จึงกราบทูลเชิญเป็น ครั้งที่ ๓ พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ดูกรอานนท์ บริษัทยังไม่บริสุทธิ์”
พระมหาโมคคัลลานะเมื่อสดับพุทธดำรัสดังนั้น จึงดำริว่าทรงหมายถึงใครหนอ? แล้วท่านกำหนดดูใจของภิกษุสงฆ์ที่มาประชุมอยู่ ณ ที่นั้นด้วยฤทธิ์ของท่าน ท่านพิจารณาเห็นบุคคลผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ มีการงานปกปิด ไม่เป็น สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี แต่ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี ผู้เน่าใน ผู้อันราคะรั่วรดแล้ว ผู้เป็นดุจหยากเยื่อ นั่งอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ท่านลุก จากอาสนะเข้าไปหาบุคคลนั้น แล้วกล่าวว่า
“จงลุกขึ้นเถิดผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคทรงเห็นท่าน แล้ว ท่านไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ร่วมกับภิกษุทั้งหลาย”
บุคคลนั้นก็ยังนิ่งอยู่ พระมหาโมคคัลลานะได้กล่าว กับเขาอีก ๒ ครั้ง ซึ่งเขาก็นิ่งอยู่ ที่สุดพระมหาโมคคัลลานะจึงจับแขนเขา แล้วฉุดออกไปที่ประชุมสงฆ์ ส่งออก ไปจากบุพพาราม พร้อมปิดประตูอารามไว้ แล้วท่านกลับมายังที่ประชุมสงฆ์ กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ให้บุคคลนั้นออก ไปแล้ว บริษัทบริสุทธิ์แล้ว ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดง ปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด”
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “ดูกรโมคคัลลานะ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว โมฆบุรุษนี้อยู่จนกระทั่งต้องจับแขนฉุดออกไป.. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตั้งแต่บัดนี้ไป เรา จักไม่กระทำอุโบสถ แสดงปาติโมกข์ การที่ตถาคตจะพึง กระทำอุโบสถแสดงปาติโมกข์ ในเมื่อบริษัทไม่บริสุทธิ์นั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส” แล้วทรงแสดงปาติโมกข์ครั้งสุด ท้ายต่อไป
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในมหาสมุทรมีธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ๘ ประการ ที่พวกอสูรเห็นแล้วพา กันยินดีอยู่ในมหาสมุทร ในธรรมวินัยนี้ ก็มีธรรมอันน่าอัศจรรย์ไม่เคยมีมา ๘ ประการ ที่ภิกษุเห็นแล้วพากันยินดีอยู่ในธรรมวินัยฉันนั้นเหมือนกัน ธรรมทั้ง ๘ ประการ มีดังนี้
ในธรรมวินัยนี้ มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง เปรียบเหมือนมหาสมุทร ที่ลาดลุ่มลึกไปตามลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว นี้เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาประการที่ ๑
ประการที่ ๒ สาวกทั้งหลายของเรา ไม่ล่วงสิกขาบท ที่เราบัญญัติแล้ว แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต เปรียบเสมือนมหาสมุทรที่เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง
ประการที่ ๓ บุคคลผู้ทุศีล มีบาปธรรม มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปกปิดกรรมชั่ว ไม่ใช่สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เสียใน ชุ่มด้วย ราคะ เป็นดุจหยากเยื่อ สงฆ์ไม่ยอมอยู่ร่วมกับบุคคลนั้น ประชุมกันยกวัตรเธอเสียทันที แม้เขาจะนั่งอยู่ในท่าม กลางภิกษุสงฆ์ แต่เขาก็ชื่อว่าห่างไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ห่างไกลจากเขา เปรียบเหมือนมหาสมุทรไม่เกลื่อนกล่น ด้วยซากศพ เพราะคลื่นย่อมซัดเอาซากศพในมหาสมุทร เข้าฝั่ง ให้ขึ้นบก
ประการที่ ๔ วรรณะ ๔ จำพวก คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคต ประกาศแล้ว ย่อมละชื่อและโคตรเดิม ถึงการนับว่าพระ-สมณศากยบุตรทั้งนั้น เปรียบเหมือนแม่น้ำใหญ่ๆ คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละชื่อและโคตรเดิมหมด ถึงการนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง
ประการที่ ๕ แม้ภิกษุทั้งหลายเป็นอันมากจะปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุก็มิ ได้ปรากฏว่าพร่องหรือเต็มด้วยภิกษุนั้น เปรียบเหมือนแม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมลงในมหาสมุทร และสายฝนก็ตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็ไม่ปรากฏว่าพร่องหรือเต็ม
ประการที่ ๖ ธรรมวินัยนี้มีรสเดียว คือ วิมุตติรส เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรสเดียวคือรสเค็ม
ประการที่ ๗ ธรรมวินัยนี้มีรัตนะมากมายหลายชนิด รัตนะเหล่านี้คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด รัตนะเหล่านี้คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม แก้วมรกต
ประการที่ ๘ ธรรมวินัยนี้เป็นที่พำนักอาศัยสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ ซึ่งก็คือ พระโสดาบัน (ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำ ให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล) พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ เปรียบเหมือนมหาสมุทรเป็นที่พำนักของสิ่ง มีชีวิตใหญ่ ๆ อันได้แก่ ปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลาติมิติมิงคละ อสูร นาค คนธรรพ์ แม้จะมีร่างกายใหญ่ประมาณร้อยโยชน์ สองร้อยโยชน์ สามร้อยโยชน์ ฉะนั้น
ในที่สุดแห่งปาติโมกข์ พระพุทธองค์ทรงเปล่งอุทานว่า “ฝน คือกิเลส ย่อมรั่วรดสิ่งที่ปกปิด ย่อมไม่รั่วรดสิ่ง ที่เปิด เพราะฉะนั้น พึงเปิดสิ่งที่ปกปิดไว้เสีย ฝน คือกิเลส ย่อมไม่รั่วรดสิ่งที่เปิดนั้นอย่างนี้”
จากพระสูตรนี้ ทำให้ทราบว่า สังฆกรรมอุโบสถ คือปาติโมกข์ เป็นการแสดงธรรมโดยพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธองค์ทรงงดร่วมสังฆกรรมอุโบสถแล้ว ภิกษุสงฆ์ผู้จดจำพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ได้ ก็นำมาแสดงต่อที่ประชุมสงฆ์ ต่อมาได้แสดงถึงพระวินัยที่ทรงบัญญัติขึ้น และถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่ลิงค์ (ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากพระไตรปิฏกแบบโดยตรงอีกทีหนึ่ง)
http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9470000060266
พระสูตร นี้ว่าด้วยธรรมอันน่าอัศจรรย์ ๘ ประการ และพรรณนา ถึงการเข้าร่วมอุโบสถกรรมครั้งสุดท้ายของพระพุทธเจ้าด้วย มีความโดยละเอียดดังนี้
สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ บุพพารามปราสาท ที่นางวิสาขาสร้างถวาย ครั้นถึงวันอุโบสถ พระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ในท่ามกลางสงฆ์เพื่อทำอุโบสถกรรม เมื่อปฐมยามแห่งราตรีสิ้นไปแล้ว พระอานนท์ลุก ขึ้นจากอาสนะ กระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลีไปทางที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ราตรีล่วงไปแล้ว ปฐมยามสิ้นไปแล้ว ภิกษุสงฆ์นั่งอยู่นานแล้ว ขอพระผู้มีพระภาค เจ้าทรงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด”
พระพุทธองค์ทรงรับฟังแล้วทรงนิ่งอยู่ ครั้นราตรี ล่วงมัชฌิมยาม พระอานนท์ก็กราบทูลเชิญอีกครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงนิ่งอยู่ จนราตรีล่วงปัจฉิมยาม อรุณขึ้นแล้ว จวนสว่างแล้ว พระอานนท์จึงกราบทูลเชิญเป็น ครั้งที่ ๓ พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ดูกรอานนท์ บริษัทยังไม่บริสุทธิ์”
พระมหาโมคคัลลานะเมื่อสดับพุทธดำรัสดังนั้น จึงดำริว่าทรงหมายถึงใครหนอ? แล้วท่านกำหนดดูใจของภิกษุสงฆ์ที่มาประชุมอยู่ ณ ที่นั้นด้วยฤทธิ์ของท่าน ท่านพิจารณาเห็นบุคคลผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ มีการงานปกปิด ไม่เป็น สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี แต่ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี ผู้เน่าใน ผู้อันราคะรั่วรดแล้ว ผู้เป็นดุจหยากเยื่อ นั่งอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ท่านลุก จากอาสนะเข้าไปหาบุคคลนั้น แล้วกล่าวว่า
“จงลุกขึ้นเถิดผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคทรงเห็นท่าน แล้ว ท่านไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ร่วมกับภิกษุทั้งหลาย”
บุคคลนั้นก็ยังนิ่งอยู่ พระมหาโมคคัลลานะได้กล่าว กับเขาอีก ๒ ครั้ง ซึ่งเขาก็นิ่งอยู่ ที่สุดพระมหาโมคคัลลานะจึงจับแขนเขา แล้วฉุดออกไปที่ประชุมสงฆ์ ส่งออก ไปจากบุพพาราม พร้อมปิดประตูอารามไว้ แล้วท่านกลับมายังที่ประชุมสงฆ์ กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ให้บุคคลนั้นออก ไปแล้ว บริษัทบริสุทธิ์แล้ว ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดง ปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด”
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “ดูกรโมคคัลลานะ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว โมฆบุรุษนี้อยู่จนกระทั่งต้องจับแขนฉุดออกไป.. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตั้งแต่บัดนี้ไป เรา จักไม่กระทำอุโบสถ แสดงปาติโมกข์ การที่ตถาคตจะพึง กระทำอุโบสถแสดงปาติโมกข์ ในเมื่อบริษัทไม่บริสุทธิ์นั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส” แล้วทรงแสดงปาติโมกข์ครั้งสุด ท้ายต่อไป
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในมหาสมุทรมีธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ๘ ประการ ที่พวกอสูรเห็นแล้วพา กันยินดีอยู่ในมหาสมุทร ในธรรมวินัยนี้ ก็มีธรรมอันน่าอัศจรรย์ไม่เคยมีมา ๘ ประการ ที่ภิกษุเห็นแล้วพากันยินดีอยู่ในธรรมวินัยฉันนั้นเหมือนกัน ธรรมทั้ง ๘ ประการ มีดังนี้
ในธรรมวินัยนี้ มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง เปรียบเหมือนมหาสมุทร ที่ลาดลุ่มลึกไปตามลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว นี้เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาประการที่ ๑
ประการที่ ๒ สาวกทั้งหลายของเรา ไม่ล่วงสิกขาบท ที่เราบัญญัติแล้ว แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต เปรียบเสมือนมหาสมุทรที่เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง
ประการที่ ๓ บุคคลผู้ทุศีล มีบาปธรรม มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปกปิดกรรมชั่ว ไม่ใช่สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เสียใน ชุ่มด้วย ราคะ เป็นดุจหยากเยื่อ สงฆ์ไม่ยอมอยู่ร่วมกับบุคคลนั้น ประชุมกันยกวัตรเธอเสียทันที แม้เขาจะนั่งอยู่ในท่าม กลางภิกษุสงฆ์ แต่เขาก็ชื่อว่าห่างไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ห่างไกลจากเขา เปรียบเหมือนมหาสมุทรไม่เกลื่อนกล่น ด้วยซากศพ เพราะคลื่นย่อมซัดเอาซากศพในมหาสมุทร เข้าฝั่ง ให้ขึ้นบก
ประการที่ ๔ วรรณะ ๔ จำพวก คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคต ประกาศแล้ว ย่อมละชื่อและโคตรเดิม ถึงการนับว่าพระ-สมณศากยบุตรทั้งนั้น เปรียบเหมือนแม่น้ำใหญ่ๆ คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละชื่อและโคตรเดิมหมด ถึงการนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง
ประการที่ ๕ แม้ภิกษุทั้งหลายเป็นอันมากจะปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุก็มิ ได้ปรากฏว่าพร่องหรือเต็มด้วยภิกษุนั้น เปรียบเหมือนแม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมลงในมหาสมุทร และสายฝนก็ตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็ไม่ปรากฏว่าพร่องหรือเต็ม
ประการที่ ๖ ธรรมวินัยนี้มีรสเดียว คือ วิมุตติรส เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรสเดียวคือรสเค็ม
ประการที่ ๗ ธรรมวินัยนี้มีรัตนะมากมายหลายชนิด รัตนะเหล่านี้คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด รัตนะเหล่านี้คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม แก้วมรกต
ประการที่ ๘ ธรรมวินัยนี้เป็นที่พำนักอาศัยสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ ซึ่งก็คือ พระโสดาบัน (ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำ ให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล) พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ เปรียบเหมือนมหาสมุทรเป็นที่พำนักของสิ่ง มีชีวิตใหญ่ ๆ อันได้แก่ ปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลาติมิติมิงคละ อสูร นาค คนธรรพ์ แม้จะมีร่างกายใหญ่ประมาณร้อยโยชน์ สองร้อยโยชน์ สามร้อยโยชน์ ฉะนั้น
ในที่สุดแห่งปาติโมกข์ พระพุทธองค์ทรงเปล่งอุทานว่า “ฝน คือกิเลส ย่อมรั่วรดสิ่งที่ปกปิด ย่อมไม่รั่วรดสิ่ง ที่เปิด เพราะฉะนั้น พึงเปิดสิ่งที่ปกปิดไว้เสีย ฝน คือกิเลส ย่อมไม่รั่วรดสิ่งที่เปิดนั้นอย่างนี้”
จากพระสูตรนี้ ทำให้ทราบว่า สังฆกรรมอุโบสถ คือปาติโมกข์ เป็นการแสดงธรรมโดยพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธองค์ทรงงดร่วมสังฆกรรมอุโบสถแล้ว ภิกษุสงฆ์ผู้จดจำพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ได้ ก็นำมาแสดงต่อที่ประชุมสงฆ์ ต่อมาได้แสดงถึงพระวินัยที่ทรงบัญญัติขึ้น และถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน
Saturday, October 16, 2004
[PSU] Personal Web Access
We can access personal www directory by using ssh.
The server name is splogin.cac.psu.edu and the port is 22 as usual.
By the way, the address of my web is http://www.personal.psu.edu/users/p/x/pxt156/.
The server name is splogin.cac.psu.edu and the port is 22 as usual.
By the way, the address of my web is http://www.personal.psu.edu/users/p/x/pxt156/.
Friday, October 15, 2004
[OO.org] พิมพ์วิธีจัดหมู่
ในนี้คือตัวอย่างของการจัดหมู่ N เลือก ๅ left( stack{N#1} right)
ถ้าอยากให้เป็นเศษส่วนเฉยๆก็ N over 1 นะ
ถ้าอยากให้เป็นเศษส่วนเฉยๆก็ N over 1 นะ
Thursday, October 14, 2004
[Life] ต้องรุกกลับไปมั่งแล้ว
วันนี้ได้รับแจ้งว่าสอบ candidacy ตกทั้งสองส่วน
มาลองคิดๆดูก็พบว่าคงทำส่วน programming language กับ architecture ได้น้อยเกินไป
สำหรับ architecture เราไม่คิดอะไรมาก เพราะเห็นว่าเตรียมตัวไปได้ตามแผนทุกอย่าง แต่ข้อสอบมันออกส่วนที่เราไ่ม่เคยคิดเตรียมมาก่อน เช่น Amdhal's Law และ Advanced Topic ใน CSE530 ไม่รู้ว่าคนอื่นๆมันรอดมาได้ยังไงเหมือนกัน
แต่ programming language นี่คงเพราะเรายังอ่อนเกินไปจริงๆ ทำไม่ค่อยได้ และเรามักคิดอะไรแปลกๆ แต่ข้อสอบอยากให้เราคิดแบบน้อยๆล่ะมั้ง เราคงต้องทำใจอีกนิดว่าเค้าไ่ม่คิดเล่นอะไรประหลาด ถ้ามันแปลกๆก็ขอให้คิดซะว่าคนออกข้อสอบลืมคิดในบางแง่ไป
เราพบว่าเราซวยเพราะเรื่องนี้ประจำ เนื่องจากว่าคนออกข้อสอบลืมคิดถึงเรื่องแปลกๆในบางแง่ แล้วเราดันคิดออกทำให้เรางงอยู่คนเดียวว่าอีกฝ่ายจะเอาไงกันแน่
ทีนี้วกกลับมาเรื่องของการแก้เกมกับคืนไปมั่ง เท่าที่ผ่านมาเราพบว่าเรายังไม่ได้ใช้เวลาในการสร้างเสริมความสามารถอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการย่อหย่อนในวินัย และพลังสมอง เหมือนพวกกล้ามเนื้อฝ่อลีบทำอะไรก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราต้องเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้นเพื่อให้พร้อมรบเสมอ
สิ่งที่อยากให้สนใจให้มากก็คือความสามารถที่ไม่ได้อยู่ในวิชาที่กำลังเรียนอยู่ เพราะว่าเราทำให้มันออกมาได้ A ตลอดก็จริง แต่เวลานี้เราต้องการมากกว่านั้น เช่นเราต้องผ่าน Candidacy Exam เราต้องผ่าน English Proficiency Test เราต้องใช้การวิเคราะห์ทางตัวเลข และเราต้องเขียนโปรแกรมให้เก่งๆ ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวเรื่องนี้ให้ดีตลอด ไม่งั้นเราก็จะเหมือนกับตั้งรับการโจมตีของปัญหาแต่เพียงอย่างเดียว ความก้าวหน้าที่แท้จริงก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเราได้
ต้องรุกกลับไปขยายพื้นที่ของตัวเองให้ได้
อย่าลืมเด็ดขาดว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้เก่งอะไรเลย ความสามารถของเรามีเพียงอย่างเดียวคือความอดทนที่เหนือชั้น และเราต้องเอามาใช้ให้ไม่พลาด พี่เดี่ยวบอกตอนเล่นปิงปองว่าลูกที่เราต้องถนัดต้องไม่พลาด ใช่ เรื่องของความถนัดของเราก็ต้องไม่พลาดเหมือนกัน เราต้องรวบรวมความอดทนทุกอย่างออกมาเป็นความทุ่มเท และเรียกสมาธิออกมาเป็นประสิทธิภาพ
ต้องรุกไปหาปัญหาระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพให้ได้ ด้วยการศึกษาด้วยใจอันสงบมีสมาธิ ต้องไม่วอกแวกและระงับอารมณ์ทุกอย่าง ให้จิตปรกติเป็นหนึ่งเดียวกับอารมณ์เหมือนกับว่าการทำงานก็คือการทำสมาธิอย่างไงก็อย่างนั้น
สำหรับตอนนี้พบว่าการใช้กระดาษจดโน้ตสอดไว้ในหนังสือนั้น ทำให้มีประสิทธิภาพมาก เราคงต้องทำเสมอ และไม่อาจจะละเว้นได้ เพราะเราต้องวกกลับมาฟื้นฟูความสามารถพวกนี้อยู่บ่อยๆในเวลาอันสั้น และศัพท์เทคนิคมันมีมากมายจนเราต้องจดจ่อที่จะจำแนกมันให้เด็ดขาดอยู่เสมอ ต้องมั่นใจในความชัดเจนของข้อมูล
นอกจากนี้ขอให้พยายามจดบันทึกเรื่องทริคทางคณิตศาสตร์อยู่ในรูปแบบอิเลคทรอนิคส์ด้วยเสมอนะ เพราะในท้ายที่สุดมันจะทำให้เราจัดระเบียบความคิดได้บรรเจิดยิ่งขึ้น
พยายามทำให้ได้ มุ่งมั่น อดทน ใจสงบ
มาลองคิดๆดูก็พบว่าคงทำส่วน programming language กับ architecture ได้น้อยเกินไป
สำหรับ architecture เราไม่คิดอะไรมาก เพราะเห็นว่าเตรียมตัวไปได้ตามแผนทุกอย่าง แต่ข้อสอบมันออกส่วนที่เราไ่ม่เคยคิดเตรียมมาก่อน เช่น Amdhal's Law และ Advanced Topic ใน CSE530 ไม่รู้ว่าคนอื่นๆมันรอดมาได้ยังไงเหมือนกัน
แต่ programming language นี่คงเพราะเรายังอ่อนเกินไปจริงๆ ทำไม่ค่อยได้ และเรามักคิดอะไรแปลกๆ แต่ข้อสอบอยากให้เราคิดแบบน้อยๆล่ะมั้ง เราคงต้องทำใจอีกนิดว่าเค้าไ่ม่คิดเล่นอะไรประหลาด ถ้ามันแปลกๆก็ขอให้คิดซะว่าคนออกข้อสอบลืมคิดในบางแง่ไป
เราพบว่าเราซวยเพราะเรื่องนี้ประจำ เนื่องจากว่าคนออกข้อสอบลืมคิดถึงเรื่องแปลกๆในบางแง่ แล้วเราดันคิดออกทำให้เรางงอยู่คนเดียวว่าอีกฝ่ายจะเอาไงกันแน่
ทีนี้วกกลับมาเรื่องของการแก้เกมกับคืนไปมั่ง เท่าที่ผ่านมาเราพบว่าเรายังไม่ได้ใช้เวลาในการสร้างเสริมความสามารถอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการย่อหย่อนในวินัย และพลังสมอง เหมือนพวกกล้ามเนื้อฝ่อลีบทำอะไรก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราต้องเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้นเพื่อให้พร้อมรบเสมอ
สิ่งที่อยากให้สนใจให้มากก็คือความสามารถที่ไม่ได้อยู่ในวิชาที่กำลังเรียนอยู่ เพราะว่าเราทำให้มันออกมาได้ A ตลอดก็จริง แต่เวลานี้เราต้องการมากกว่านั้น เช่นเราต้องผ่าน Candidacy Exam เราต้องผ่าน English Proficiency Test เราต้องใช้การวิเคราะห์ทางตัวเลข และเราต้องเขียนโปรแกรมให้เก่งๆ ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวเรื่องนี้ให้ดีตลอด ไม่งั้นเราก็จะเหมือนกับตั้งรับการโจมตีของปัญหาแต่เพียงอย่างเดียว ความก้าวหน้าที่แท้จริงก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเราได้
ต้องรุกกลับไปขยายพื้นที่ของตัวเองให้ได้
อย่าลืมเด็ดขาดว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้เก่งอะไรเลย ความสามารถของเรามีเพียงอย่างเดียวคือความอดทนที่เหนือชั้น และเราต้องเอามาใช้ให้ไม่พลาด พี่เดี่ยวบอกตอนเล่นปิงปองว่าลูกที่เราต้องถนัดต้องไม่พลาด ใช่ เรื่องของความถนัดของเราก็ต้องไม่พลาดเหมือนกัน เราต้องรวบรวมความอดทนทุกอย่างออกมาเป็นความทุ่มเท และเรียกสมาธิออกมาเป็นประสิทธิภาพ
ต้องรุกไปหาปัญหาระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพให้ได้ ด้วยการศึกษาด้วยใจอันสงบมีสมาธิ ต้องไม่วอกแวกและระงับอารมณ์ทุกอย่าง ให้จิตปรกติเป็นหนึ่งเดียวกับอารมณ์เหมือนกับว่าการทำงานก็คือการทำสมาธิอย่างไงก็อย่างนั้น
สำหรับตอนนี้พบว่าการใช้กระดาษจดโน้ตสอดไว้ในหนังสือนั้น ทำให้มีประสิทธิภาพมาก เราคงต้องทำเสมอ และไม่อาจจะละเว้นได้ เพราะเราต้องวกกลับมาฟื้นฟูความสามารถพวกนี้อยู่บ่อยๆในเวลาอันสั้น และศัพท์เทคนิคมันมีมากมายจนเราต้องจดจ่อที่จะจำแนกมันให้เด็ดขาดอยู่เสมอ ต้องมั่นใจในความชัดเจนของข้อมูล
นอกจากนี้ขอให้พยายามจดบันทึกเรื่องทริคทางคณิตศาสตร์อยู่ในรูปแบบอิเลคทรอนิคส์ด้วยเสมอนะ เพราะในท้ายที่สุดมันจะทำให้เราจัดระเบียบความคิดได้บรรเจิดยิ่งขึ้น
พยายามทำให้ได้ มุ่งมั่น อดทน ใจสงบ
Friday, October 08, 2004
[FW Mail] มีแฟนดีกว่ามีกิ๊กตรงไหน
ได้มาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ของเพื่อน
ชอบประโยคที่ว่า
"มีแฟน - ได้รับนับถือจากเพื่อนหญิง เพื่อนชาย และคนในที่ทำงาน ที่เรียน
มีกิ๊ก - ได้ภาพพจน์ความเป็นคาสโนว่า พาสาวคนไหนๆ มาก็โดนเพื่อนเผายำเละ
ชอบประโยคที่ว่า
"มีแฟน - ได้รับนับถือจากเพื่อนหญิง เพื่อนชาย และคนในที่ทำงาน ที่เรียน
ได้เครดิตว่าเป็นคนมั่งคง ได้ภาพพจน์ความเป็นหนุ่มอบอุ่น family man
เวลาอกหักมีสาวๆ เห็นใจเยอะเพราะประวัติดี
มีกิ๊ก - ได้ภาพพจน์ความเป็นคาสโนว่า พาสาวคนไหนๆ มาก็โดนเพื่อนเผายำเละ
สรุปสาวๆ เผ่น เพื่อนผู้หญิงก็ไม่ค่อยไว้ใจ เวลาอกหักมีแต่คนสมน้ำหน้า"
Subject: มีแฟนดีกว่ามีกิ๊กตรงไหน
>มีแฟนดีกว่ามีกิ๊กตรงไหน?
>
>มีแฟนดีกว่ามีกิ๊กตรงไหน?
>มีแฟน - มีเพื่อนไปไหนมาไหนได้ทุกที่ตั้งแต่ ดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว จตุจักร
>ชัอปปิ้ง วิ่งเปี้ยว เปิดผับ จ่ายค่าน้ำค่าไฟ พาหมาไปตัดขน เอารถไปเข้าอู่
>ไปสอบ gmat งานศพอาก๋ง อาม่า งานแต่ง
>
>มีกิ๊ก - ส่วนใหญ่ก็ไปกันแค่ห้าง ดูหนัง แดนซ์ มอมเหล้า
>ไม่มีหรอกจะมาเดินแดดร้อนลำบากๆ ต่อคิวคนเยอะๆ กับเรา
>ของกิ๊กคือคบเพราะความมันส์อย่างเดียว
>แถมยังออกได้บางเวลาเพราะบางกิ๊กต้องแอบแฟนของเขาหรือเธอออกมาเที่ยว
>
>มีแฟน - สุขภาพจิตดี สบายใจ พาไปไหนไม่ต้องระแวง หลบซ่อน
>
>มีกิ๊ก - เสียสุขภาพจิตเพราะกลัวเจอกิ๊กอีกคน หรือแฟนเขาจับได้
>ไปเที่ยวด้วยความหลอน
>
>มีแฟน - เพื่อนไม่สับสน ปะป๋า มะม้า จำได้ เพราะพามาอยู่คนเดียว
>
>มีกิ๊ก - เพื่อนๆ งง พามาหน้าไม่ซ้ำ ปะป๋า มะม้า เรียกชื่อผิดชื่อถูก
>เรียกแอ๋ว เป็นเอ๋ เรียกเอ๋ เป็นอุ้ม ทรมานคนแก่
>
>มีแฟน - ไม่ต้องเอาใจมาก เพราะรู้ใจกันดี อยากทำอะไรก็ทำ
>ใส่แตะไปดูหนังก็ไม่ด่า เพราะปลงๆ กันแล้ว
>
>มีกิ๊ก - ต้องเอาใจสารพัด แต่งตัวต้องเนี้ยบ ทำบุคลิคดีๆ พาไปแต่ที่ดีๆ
>พาไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางอาจโดนด่าแม่ได้
>
>มีแฟน - ได้รับนับถือจากเพื่อนหญิง เพื่อนชาย และคนในที่ทำงานที่เรียน
>ได้เครดิตว่าเป็นคนมั่งคง ได้ภาพพจน์ความเป็นหนุ่มอบอุ่น family man
>เวลาอกหักมีสาวๆ เห็นใจเยอะเพราะประวัติดี
>
>มีกิ๊ก - ได้ภาพพจน์ความเป็นคาสโนว่า พาสาวคนไหนๆ มาก็โดนเพื่อนเผายำเละ
>สรุปสาวๆ เผ่น เพื่อนผู้หญิงก็ไม่ค่อยไว้ใจ เวลาอกหักมีแต่คนสมน้ำหน้า
>
>มีแฟน - เปรียบเหมือนกินมันเผา อาจไม่ค่อยมีรสชาติ แต่ยิ่งกินยิ่งมัน
>ทำให้ท้องอิ่ม มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
>
>มีกิ๊ก - เหมือนเคี้ยวหมากฝรั่ง หวานซ่าตอนแรก พอหมดรสก็คายทิ้ง
>เหลือแต่ยางยืดๆเคี้ยวไปก็เมื่อยปาก
Wednesday, October 06, 2004
[PSU] จะดู Academic Calendar ของ PSU (ทุก Semester)
จดไว้กันลืม
ตอนแรกก็ไปที่ www.psu.edu ก่อน
จากนั้นก็ไปที่ Current Student -> More...
ก็จะมี Academic Calendar ให้เลือก แค่นั้นล่ะ
ตอนแรกก็ไปที่ www.psu.edu ก่อน
จากนั้นก็ไปที่ Current Student -> More...
ก็จะมี Academic Calendar ให้เลือก แค่นั้นล่ะ
[DOC] จะเอา shockwave flash ไปใส่ใน PowerPoint
วิธีการก็คือจะต้องเอาไฟล์ .swf มาให้ได้ก่อน ซึ่งถ้าคิดจะดูดมาจากเว็บก็สามารถทำได้ด้วยโปรแกรม
Flash2X Flash Hunter: http://flash2x.net/
เมื่อได้มาแล้วก็ไปที่ PowerPoint ได้เลย ตามนี้
1. View->Toolbars->Control Toolbox
2. Choose Shockwave Flash Object
3. Draw an area of display for the flash object.
4. Invoke 'Properties' box of the object and enter flash path to "custom".
For more detailed infomation, go to
http://www.macromedia.com/support/flash/ts/documents/flash_powerpoint.htm
Flash2X Flash Hunter: http://flash2x.net/
เมื่อได้มาแล้วก็ไปที่ PowerPoint ได้เลย ตามนี้
1. View->Toolbars->Control Toolbox
2. Choose Shockwave Flash Object
3. Draw an area of display for the flash object.
4. Invoke 'Properties' box of the object and enter flash path to "custom".
For more detailed infomation, go to
http://www.macromedia.com/support/flash/ts/documents/flash_powerpoint.htm
Friday, October 01, 2004
[OO.org] Summation และ ตัวอักษรทั่วไปที่มีทั้ง sub และ super script
อันนี้เป็นตัวอย่างที่สั้นๆแต่สมบูรณ์มาก
sum from {i=0} to {n-1} {O(n_i sup 2)}
ขอให้สังเกตด้วยว่า n_i sup 2 จะทำให้ n มี i เป็น subscript และ มี 2 เป็น superscript ได้
อ๊ะ แล้วถ้าหากว่าเราอยากให้ i ก็ยกกำลังสองล่ะ จะต้องทำยังไง
คำตอบก็คือว่าให้ใช้ { } เพื่อแยก element ออกให้ชัดเจนนั่นเอง เช่น n_{i^2} sup 2
sum from {i=0} to {n-1} {O(n_i sup 2)}
ขอให้สังเกตด้วยว่า n_i sup 2 จะทำให้ n มี i เป็น subscript และ มี 2 เป็น superscript ได้
อ๊ะ แล้วถ้าหากว่าเราอยากให้ i ก็ยกกำลังสองล่ะ จะต้องทำยังไง
คำตอบก็คือว่าให้ใช้ { } เพื่อแยก element ออกให้ชัดเจนนั่นเอง เช่น n_{i^2} sup 2
[OO.org] ตัวอักษรกรีกใหญ่เล็กในสมการ
ตามปรกติเวลาเราพิมพ์ตัวอักษรกรีกเราจะใช้ %theta ทำนองเนี้ย
ซึ่งปัญหามันก็จะตามมาว่า แล้วถ้าอยากได้ theta ตัวใหญ่จะทำยังไง (เช่นใช้ในสัญลักษณ์ของ complexity bound ในการวิเคราะห์อัลกอริทึม)
เรื่องนี้ง่ายมากครับ แค่พิมพ์คำว่า theta ที่เห็นนั้นให้เป็นตัวใหญ่หมดทุกตัวก็พอ คือ %THETA
ซึ่งปัญหามันก็จะตามมาว่า แล้วถ้าอยากได้ theta ตัวใหญ่จะทำยังไง (เช่นใช้ในสัญลักษณ์ของ complexity bound ในการวิเคราะห์อัลกอริทึม)
เรื่องนี้ง่ายมากครับ แค่พิมพ์คำว่า theta ที่เห็นนั้นให้เป็นตัวใหญ่หมดทุกตัวก็พอ คือ %THETA
[OO.org] จะให้ OpenOffice ตัดคำภาษาไทย
เวลาใช้ OpenOffice มันไม่ได้ฉลาดในด้านการจัดการภาษาเหมือนกับ MS Word เพราะเราจำเป็นที่จะต้องบอกกับ OO โดยตรงว่าเราจะให้มันจัดการด้านภาษาไทยให้เรา
ก็ให้ไปที่ Tools -> Options -> Language Settings -> Languages แล้วก็จัดการมันซะ
ก็ให้ไปที่ Tools -> Options -> Language Settings -> Languages แล้วก็จัดการมันซะ
Subscribe to:
Posts (Atom)