Wednesday, October 19, 2005

Life: ที่ว่างในใจกับการก้าวสู่ที่สุดของศักยภาพ

เราทำดีมาติดต่อกันได้สองวันกว่า แต่ก็พบว่าเรายังทำได้ไม่ดีพอ
ที่ว่าได ้ไม่ดีพอก็เพราะว่าเราได้กำจัดกิจกรรมอันไม่เกิดประโยชน์ดังที่ได้ก ล่าวไว้ใน http://pinyotae.blogspot.com/2005/10/life.html แล้ว เราได้ทำงานวันหนึ่งๆประมาณ 10 ชั่วโมงต่อวัน แต่งานก็ไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไหร่ ถ้ามามองในมุมของการแสวงหาทรัพยากรการนั่งอยู่กับโต๊ะทำงานก็เหมือนกับการเก ็บเกี่ยวผลจากทรัพยากรทางกายในระดับหนึ่ง และเราก็ใช้ทรัพยากรทางกายนั้นไปหมดแล้ว ดังนั้นเราก็ต้องหาแหล่งทรัพยากรอื่นเพิ่ม ซึ่งเมื่อพิจารณาดูก็พบว่าเรายังไม่ได้ทำใจเราให้สามารถจดจ่อได้อย่างเต็มที ่ กล่้าวคือทรัพยากรทางจิตวิญญาณของเรายังเหลืออีกมากแต่เราก็ยังเอามันมาใช้ไ ม่ได้

เรายังเอามันมาใช้ไม่ได้จริงๆ อย่างในวันนี้ที่เราตัดสินใจเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเรารวบรวมใจเราให ้สงบไม่ได้ สาเหตุมีสองอย่างคือ เรายังมีจิตแสวงหาความสุขความสำเร็จทางโลกเหลืออยู่ อีกสาเหตุหนึ่งก็คือเรามัวแต่ดีใจที่อาจารย์บอกว่า "I think we can get a publication out of it" ซึ่งทำให้เรารู้สึกดีใจมากว่าวิทยานิพนธ์ของเราไม่ใช่ของที่ใครจะมาดูถูกได้ ง่ายๆ

ลองมาวิเคราะห์ดูที่สาเหตุแรก เราก็จะพบว่าถึงเราไม่ได้ต้องการความสุขทางเพศเพราะเราทำให้มันสงบไปได้มากแ ล้ว แต่เราก็ยังปราถนาความสุขแบบอื่นๆอีกเช่น ต้องการให้คนยอมรับว่าเราเก่ง (มันคงเป็นปมด้อยเพราะเรารู้ตัวเราว่าโง่) แต่ก็ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า ไม่ว่าเราจะอยากให้เค้ายอมรับว่าเราเก่ง เค้าก็ไม่ได้ยอมรับที่ตัวเรา แต่ยอมรับที่ความสามารถของเรา ดังนั้นถ้าหากเราไม่มีผลงานออกมาติดต่อกันนานๆ ต่อไปคนก็ต้องคิดว่าเราไม่เก่งแน่นอน ดังนั้นขอให้จำไว้เลยว่าไม่ว่าเราจะต้องการมันยังไง มันก็จะไม่เป็นจริงขึ้นมาถ้าหากเราจะลงทุนลงแรงทำเหตุปัจจัย คือผลงาน ให้บังเกิดขึ้น

ส่วนสาเหตุที่สองถือว่าทำให้เกิดวังวนขึ้นมาอีกชั้นห นึ่ง ลองคิดดูนะว่าพอเรามีผลงาน คนก็เริ่มมามองเรา แล้วเราก็จะมัวแต่ดีใจ ยึดติดกับความสุขนั้น จนก่อเกิดเป็นความผิดพลาดและเราก็จะตกวกกลับมาในรูปแบบเดิมอีก กล่าวคือ พอดีใจก็จะใจไม่สงบ (ใจหมดที่ว่างใช้สอย) ใจไม่สงบก็จะทำงานไม่ได้ ทำงานไม่ได้งานก็ไม่เสร็จ งานก็ไม่เสร็จเราก็จะทุกใจอีก ซึ่งมันก็จะกลายเป็นวังวันอันน่าอนาถใจ

แล้วจะทำยังไงดีล่ะ
เราก็ควรที่จะเลิกหวังคำชื่นชมต่างๆ อย่าลืมว่าคำสรรเสริญจัดเป็น 1 ในโลกธรรม 8 ผู้ที่หวั่นไหวกับมันย่อมไม่อาจพ้นจากวังวนของสังสารวัฎไปได้ เราต้องทำใจให้ไม่หวั่นต่อโลกธรรมให้ได้เสียก่อน จากนั้นก็เรียกที่ว่างในใจออกมาด้วยการสงบลมหายใจ กระทำกรรมฐานให้เกิด แล้วที่เหลือกก็คือการศึกษาและทำงาน อันถือเป็นการเดินไปบนมรรคาสู่ความสำเร็จ เพราะเหตุปัจจัยที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายจะเกิดขึ้นมาเรื่อยๆเอง และจะเกิดขึ้นมาในเวลาที่ไม่นานจนเกินไป

สุดท้ายก็ขอให้จำไว้เสมอว่า เราต้องไม่มีใจวอกแวกแส่ส่าย เราจะออกไปจากเส้นทางที่ตั้งใจไม่ได้

(๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๘ ๑๘.๐๑ นาฬิกา)

No comments: