วันนี้ก็เป็นอีกวันที่รู้สึกว่าประสิทธิภาพในการทำงานของเราต่ำมาก เริ่มตั้งแต่การนอนกินบ้านกินเมือง
เมื่อเราตกอยู่ในสภาพแบบนี้เราก็อดนึกถึงอดีตของตัวเองในสมัย ม 6 กับ ปีหนึ่งเทอมต้นไม่ได้
ตอนนั้นการทำงานประสิทธิผลสูงมาก ไม่ใช่เพราะนอนน้อยจึงมีเวลามาก แต่เป็นเพราะว่าเราทำงานมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปเรานอนวันละเกือบ 8 ชั่วโมงทีเดียว ตอนที่นอน 6 ทุ่ม เรารู้สึกว่ามันดึกมากๆเลย (ปรกตินอนตอน 4 ทุ่มครี่ง)
เราไม่ได้คิดอยากจะจมอยู่ในอดีตที่รุ่งโรจน์ แต่เราก็ต้องคิดถึงเรื่องนี้เพื่อตัวเองในปัจจุบันและอนาคต และเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดประสงค์อันดีที่เราปรารถนาไว้ และสิ่งหนึ่งที่เราเห็นว่าเป็นกุญแจสำคัญของประสิทธิภาพคือ สุขนิสัย, เป้าหมายของการทำงาน และ สมาธิ
ปัจจุบันเรามีเป้าหมายในการทำงานมาก เพราะเราต้องสู้กับปัจจัยของความไม่แน่นอนหลายอย่าง และมันก็เป็นสิ่งที่นำไปสู่การล่วงเวลา และทำลายสุขนิสัยอันดี เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็อยากจะบอกกับตนเองว่า ต่อไปนี้ขอให้รู้ด้วยว่าเป้าหมายของการทำงานคือสุขนิสัย คือต้องไม่ทำให้เกิดการล่วงเวลา งานของเราเป็นงานระยะยาวและแน่นอนว่า สุขนิสัยในระยะยาวย่อมสำคัญกว่า
นอกจากประสบการณ์ตรงและงานวิจัยบางอย่างที่เคยอ่านมา เราพบว่าการตื่นเช้าเป็นเรื่องที่ดีมาก และเราก็จะตื่นเช้าให้ได้ ต่อไปนี้เราจะตื่นตอน 6.30 น. ให้ได้ และนอนตอนประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง นี่เป็นสุขนิสัยประการที่หนึ่งที่เราจะปฏิบัติให้ได้
ส่วนอันต่อไปที่จะสร้างก็คือ ความสามารถให้การต้านทานความง่วง ในช่วงที่รุ่งโรจน์ เราไม่เคยวกกลับไปนอนต่อบนเตียงเลย ไม่ว่าตอนตื่นขึ้นมาเราจะง่วงแค่ไหน และตอนกลางวันแม้จะง่วงมาก เราก้ไม่เคยยี่หระ (จริงๆแล้วเราอาจจะไม่เคยง่วงมากก็ได้ เพราะว่าเรามีสมาธิที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่จะง่วงได้) ที่เราทำได้ก็เพราะว่าเราทำให้รู้สึกมีความตื่นเต้นกับการสู้กับอุปสรรคและจะเอาชนะตัวเองให้ได้อยู่ตลอด แต่ในวันนี้เราไม่คิดที่จะชนะตัวเอง ทำให้เรารู้สึกว่างเปล่าในชีวิตและไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้เพื่ออนาคตอันดีสักเท่าไหร่ เราอาจจะเป็นคนดีเช่นเดิม แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะนำคนอื่นไปสู่ความดีได้ เราต้องแสดงให้คนอื่นเห็นถึงความสำเร็จของคนดี และวิธีที่จะนำไปสู่ความสำเร็จนั้นให้ได้ เราต้องนีกอยู่ในใจตลอดว่า ต้องสู้
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment